วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ก้าวเดินต่อไป

 


วันพ่อแห่งชาติ ผ่านไปแล้ว แต่ยังคงมีความหงุดหงิดเกิดขึ้นมาค้างคาอยู่ในหัวใจ หลายคนคิดว่ามันเป็นเพียงความขัดแย้งทางความคิด บางคนคิดว่ามันเป็นการแสดงออกของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย บางคนคิดว่ามันเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองตามแนวทางของคณะราษฎร บางคนคิดว่ามันเป็น สิทธิ เสรีภาพ ทางความคิดของคนรุ่นใหม่ ฯลฯ 

แต่ในความคิดของผม (ตามสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ) กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พวกเราคิดเอาเองว่า ...ออกมาเพื่อแสดงความคิดเห็น... ในความเป็นจริงแล้ว น่าจะเป็นแค่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่พยายามออกมาทำตัวเป็นจุดเด่นต่อสายตาของคนอื่น ในที่สาธารณะ อาจจะมาจากคำบงการของผู้ไม่หวังดีบางคนบางกลุ่ม หรือหลายคนที่เข้ามาร่วมกลุ่มก็อาจจะมาจากอามิสสินจ้าง แต่ในภาพวมแล้ว คนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ ทีจะมาอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพราะมีจำนวนคนเห็นด้วยไม่ถึงเศษเสี้ยวของร้อยละ 1 จากจำนวนประชากรกว่า 70 ล้านคน 

จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมเช่นนี้ก็เหมือนกับนักการเมืองหลายคน ที่เดินออกมาป่าวประกาศแนวความคิดของตัวเอง แต่กลับกล่าวอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชน ทั้งที่ความคิดหลายอย่างนั้น ไม่เคยมีอยู่ในจินตนาการของประชาชนคนไทยเกือบทั้งแผ่นดินแม้แต่น้อย โดยเฉพาะแนวความคิดในเรื่องล้มล้างการปกครอง เมื่อพิจารณาจากแนวความคิดซึ่งแอบแฝงอยู่ ที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองตามแนวทางตั้งต้นของคณะราษฎร ซึ่งหมายความถึงการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกไปจาก 3 สถาบันหลักของความเป็นชาติไทย 

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มแกนนำมีความพยายามที่จะอาศัยการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน ให้ออกมาเดินนำหน้าในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทั้งที่เกือบทั้งหมดยังเรียนหนังสือไม่จบ หลายคนเป็นเพียงคนไร้ค่าเหมือนกลุ่มขยะของสังคม ที่พร้อมจะแสดงออกให้เห็นถึงความถ่อยเถื่อนทุกรูปแบบ ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในหัวข้อความเคลื่อนไหวที่ได้รับคำสั่งมา แต่ความประสงค์ของแกนนำนั้น ต้องการเพียงให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เพือให้มีการสูญเสียเลือดเนื้อ หรือ ต้องการเห็นศพของกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้น เพื่อนำไปขยายผลในการกระจายความเคลื่อนไหวเป็นวงกว้างออกไป 

และก็น่าเสียใจที่สถานการณ์เหล่านี้ ล้วนเกิดมาจากนักการเมือง ซึ่งควรจะทำหน้าที่เป็นผู้บริหารปกครองประเทศ แทนประชาชน ตามจุดประสงค์ที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่า นักการเมือง เป็นต้นทางของความขัดแย้งทั้งปวง แม้ว่าปากจะพูดออกมาเจื้อยแจ้วโดยไร้ความรับผิดชอบ เพราะเป็นความเท็จตั้งแต่ประโยคแรกว่า ออกมาเสนอตัวอาสาทำหน้าที่แทนประชาชน ซึ่งพิจารณาจากพฤติกรรมการแสดงออกของนักการเมืองแล้ว จะเห็นได้ว่า คนเหล่านี้พยายามวางตัวอยู่เหนือประชาชนคนธรรมดาทุกเรื่อง และอาศัยตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง ทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น 

3 สถาบันหลักของชาติไทย เป็นเสาหลักสำคัญที่สุดของบ้านเมือง ความพยายามที่จะล้มล้างสถาบันหลักเหล่านี้ เปรียบเสมือนการก่อการกบฏต่อแผ่นดิน 

ไม่น่าเชื่อว่า หน่วยงานความมั่นคงของไทยจะอ่อนข้อ และอ่อนแอ ไม่ใส่ใจต่อความเคลื่อนไหวของนักการเมืองกลุ่มนี้ ราวกับว่าจะรอคอยให้ประชาชนที่รักชาติอย่างแท้จริง ออกมาแสดงออกถึงความไม่พอใจนักการเมืองกลุ่มนี้... ด้วยการกระทำในลักษณะเดียวกัน